รูมาตอยด์ เป็นกรรมพันธุ์ไหม

7 การดู

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์มีปัจจัยทางกรรมพันธุ์เกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก ปัจจัยอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ ฮอร์โมนเพศ และสภาพแวดล้อม ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รูมาตอยด์…กรรมพันธุ์หรือเปล่า? ไขความลับโรคข้อเรื้อรังที่เข้าใจยาก

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis: RA) เป็นโรคเรื้อรังที่ก่อให้เกิดการอักเสบของข้อต่อ ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวม และเคลื่อนไหวลำบาก หลายคนสงสัยว่าโรคร้ายแรงนี้มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์หรือไม่ คำตอบคือ ใช่…แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

ความจริงแล้ว โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ไม่ใช่โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรงแบบเด็ดขาด เช่นเดียวกับโรคตาบอดสีหรือโรคธาลัสซีเมีย แต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายบ่งชี้ว่า ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญ กล่าวคือ บุคคลที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรค RA จะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าพ่อแม่เป็น ลูกก็จะต้องเป็นด้วย

นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาค้นคว้าหาความสัมพันธ์ระหว่างยีนบางชนิดกับโรค RA และพบว่ายีนบางตัวอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรค อย่างไรก็ตาม การมียีนเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรค RA เสมอไป เพราะยีนเหล่านั้นเป็นเพียง หนึ่งในปัจจัย เท่านั้น

นอกเหนือจากปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญไม่น้อย ซึ่งร่วมกันทำให้เกิดโรค RA ได้แก่:

  • การติดเชื้อ: การติดเชื้อบางชนิด อาจกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ โจมตีข้อต่อ และนำไปสู่การเกิดโรค RA
  • ฮอร์โมนเพศ: ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรค RA มากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า บ่งชี้ว่าฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความเสี่ยง
  • สภาพแวดล้อม: ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การสูบบุหรี่ มลภาวะ และความเครียด ก็มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค RA ได้

สรุปได้ว่า โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคที่มีความซับซ้อน เกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ไม่ใช่เพียงแต่ปัจจัยทางพันธุกรรมเท่านั้น การมีประวัติครอบครัวเป็นโรค RA เพิ่มความเสี่ยง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรค การดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและควบคุมโรคนี้

หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง และการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยให้ความไม่รู้ นำไปสู่การปล่อยปละละเลยสุขภาพ จนกระทั่งโรคกำเริบและยากต่อการรักษา