รู้ได้ไงว่าเป็นพังผืด

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นพังผืดทับเส้นประสาท? สังเกตอาการเหล่านี้ก่อนสายเกินไป

อาการชา เจ็บจี๊ดๆ เหมือนถูกเข็มทิ่มหรือไฟช็อตที่มือ โดยเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง เป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม แต่แท้จริงแล้ว อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคพังผืดทับเส้นประสาท (Carpal Tunnel Syndrome – CTS) ที่แฝงตัวอยู่ โรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ค่อยๆ ก่อตัวและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่รีบรักษา

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจอาการเบื้องต้นของพังผืดทับเส้นประสาท เพื่อให้คุณสามารถสังเกตตัวเองและรีบไปพบแพทย์ได้ทันท่วงที เพราะการรักษาที่เริ่มต้นเร็ว ย่อมส่งผลต่อการฟื้นตัวที่ดีขึ้น

อาการสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นพังผืดทับเส้นประสาท:

• อาการชาและรู้สึกเสียวซ่า: นี่คืออาการที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทง หรือมีกระแสไฟฟ้าช็อตเล็กน้อย อาการมักจะรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืนหรือขณะที่มืออยู่ในท่าเดิมนานๆ เช่น การขับรถ หรือการทำงานที่ต้องใช้มือซ้ำๆ

• ปวดมือและข้อมือ: ความปวดอาจเป็นอาการปวดตุบๆ หรือปวดแบบจี๊ดๆ อาจรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืน หรือเมื่องอข้อมือ

• ความอ่อนแรง: มืออาจรู้สึกอ่อนแรง จับของได้ไม่แน่น หรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ยากขึ้น เช่น การผูกเชือกผูกรองเท้า หรือการเปิดฝาขวด

• กล้ามเนื้อฝ่อ: ในกรณีที่เป็นโรคเรื้อรัง อาจพบอาการกล้ามเนื้อฝ่อที่ฐานของนิ้วโป้ง ทำให้รูปทรงของมือเปลี่ยนแปลงไป

• อาการบวม: แม้จะไม่ใช่สัญญาณหลัก แต่บางรายอาจพบอาการบวมที่ข้อมือได้

สิ่งสำคัญที่ควรระลึก:

• ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นโรคนี้จะมีอาการปวด: บางคนอาจมีเพียงอาการชาและรู้สึกเสียวซ่าเท่านั้น จึงควรสังเกตความรู้สึกผิดปกติที่มือและข้อมืออย่างสม่ำเสมอ

• อาการอาจเป็นๆ หายๆ: อาการอาจจะดีขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จะกลับมาเป็นซ้ำอีกได้

• หากสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคพังผืดทับเส้นประสาท ควรรีบพบแพทย์: การวินิจฉัยที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยา การกายภาพบำบัด หรือการผ่าตัดในบางกรณี

การสังเกตอาการเบื้องต้นและการไปพบแพทย์อย่างรวดเร็ว เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาโรคพังผืดทับเส้นประสาท อย่าปล่อยให้ความเจ็บปวดและความไม่สะดวกจากอาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณ รีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม