รู้ได้ไงว่าเป็นพังผืด

2 การดู

หากคุณมีอาการชา เจ็บจี๊ด หรือปวดแสบร้อนบริเวณมือ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง อาจเป็นสัญญาณของพังผืดทับเส้นประสาทได้ ลองสังเกตอาการอื่นๆ เช่น อาการอ่อนแรงของมือ หรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม หากสงสัยควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นพังผืดทับเส้นประสาท? อย่ามองข้ามอาการเหล่านี้

อาการชา, เจ็บจี๊ด, หรือปวดแสบร้อนที่มือ โดยเฉพาะบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง อาจเป็นมากกว่าอาการปวดเมื่อยธรรมดา มันอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่เรียกว่า “พังผืดทับเส้นประสาท” (Carpal Tunnel Syndrome – CTS) ซึ่งเป็นภาวะที่เส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) ถูกกดทับบริเวณข้อมือ ภายในช่องแคบที่เรียกว่า “อุโมงค์คาร์ปัล” (Carpal Tunnel)

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ อาการของพังผืดทับเส้นประสาทมักจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เริ่มจากอาการเล็กน้อยที่มักถูกมองข้าม จนกระทั่งอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การรู้จักสังเกตอาการต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการวินิจฉัยโรคนี้ในระยะเริ่มต้น

อาการสำคัญที่บ่งบอกถึงพังผืดทับเส้นประสาท:

  • อาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่า: มักเกิดขึ้นที่นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง ความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันไป บางคนอาจรู้สึกเพียงเล็กน้อย บางคนอาจรู้สึกชาอย่างรุนแรงจนใช้งานมือลำบาก
  • ปวดแสบร้อน: ความรู้สึกแสบร้อนหรือปวดอย่างต่อเนื่องที่มือและนิ้ว โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
  • ความอ่อนแรงของมือ: การจับสิ่งของได้ไม่แน่น หรือมีปัญหาในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนของมือ เช่น การเขียน การเย็บผ้า หรือการผูกเชือก
  • รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทง: อาการนี้มักจะเกิดขึ้นร่วมกับอาการชา และอาจรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืนหรือเมื่อข้อมืออยู่ในท่าที่งอ
  • อาการปวดร้าวขึ้นไปถึงแขน: ในบางราย อาการปวดอาจลามขึ้นไปถึงแขนได้
  • อาการบวมที่มือและข้อมือ: แม้จะไม่ใช่สัญญาณที่เด่นชัดเสมอไป แต่การบวมก็อาจบ่งบอกถึงภาวะพังผืดทับเส้นประสาทได้เช่นกัน

ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง:

  • เพศหญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศชาย
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • การทำงานที่ต้องใช้มือซ้ำๆ หรือทำงานที่ต้องงอข้อมือบ่อยๆ เช่น การพิมพ์ การเย็บผ้า หรือการทำงานช่าง
  • โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเบาหวาน หรือภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
  • การตั้งครรภ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

หากคุณมีอาการใดๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย สอบถามประวัติอาการ และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจวัดความเร็วการนำกระแสประสาท (Nerve conduction study) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยา การกายภาพบำบัด หรือการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและดุลยพินิจของแพทย์

การวินิจฉัยและรักษาที่รวดเร็วสามารถช่วยป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น และช่วยให้คุณกลับมาใช้มือได้อย่างปกติ อย่าปล่อยให้อาการเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่ ดูแลสุขภาพมือของคุณให้ดี และอย่ามองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้!