ร่างกายขาดน้ำตาลมีอาการอย่างไร

ร่างกายส่งสัญญาณเตือน: เมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าที่ควร

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะน้ำตาลกลูโคสคือแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองที่ต้องการกลูโคสเพื่อทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนออกมาในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเราควรรู้จักและสังเกตอาการเหล่านี้ เพื่อรับมือได้อย่างทันท่วงที

อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นมีความหลากหลายและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดต่ำลง ความเร็วในการลดลงของระดับน้ำตาล สุขภาพโดยรวม และปัจจัยอื่นๆ เฉพาะบุคคล อย่างไรก็ตาม มีอาการบางอย่างที่พบได้บ่อยและถือเป็นสัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจ:

• รู้สึกหิวอย่างรุนแรงและควบคุมไม่ได้: นี่เป็นอาการที่พบบ่อยมาก ร่างกายพยายามส่งสัญญาณว่าต้องการพลังงานโดยด่วน
• ใจสั่นและหัวใจเต้นเร็ว: ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยกลูโคสออกมามากขึ้น ทำให้หัวใจเต้นเร็วและรู้สึกใจสั่น
• เหงื่อออกมากเกินปกติ โดยเฉพาะเหงื่อเย็น: ร่างกายพยายามควบคุมอุณหภูมิเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาล
• มือสั่นและรู้สึกอ่อนแรง: กล้ามเนื้อขาดพลังงาน ทำให้มือสั่นและรู้สึกอ่อนแรงทั่วไป
• เวียนศีรษะและหน้ามืด: สมองขาดพลังงาน ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและอาจถึงขั้นหน้ามืด
• รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และไม่มีสมาธิ: การทำงานของสมองลดลงเนื่องจากขาดกลูโคส
• ชาบริเวณริมฝีปาก นิ้วมือ หรือนิ้วเท้า: ระบบประสาทเริ่มได้รับผลกระทบจากการขาดพลังงาน
• การมองเห็นพร่ามัว: การทำงานของกล้ามเนื้อตาและระบบประสาทที่ควบคุมการมองเห็นได้รับผลกระทบ
• อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หรือวิตกกังวล: การทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ได้รับผลกระทบ
• สับสน หรือมีปัญหาในการคิดและตัดสินใจ: ในกรณีที่ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำมาก อาจส่งผลต่อการทำงานของสมองอย่างรุนแรง

สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดอาการ:

หากคุณสงสัยว่าตัวเองกำลังมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ สิ่งแรกที่ควรทำคือ วัดระดับน้ำตาลในเลือด หากมีเครื่องตรวจวัดที่บ้าน หากไม่มี ให้รีบ รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น น้ำผลไม้ น้ำหวาน ลูกอม หรือกลูโคสเม็ด

สิ่งสำคัญคือต้องระวังปริมาณ การรับประทานมากเกินไปจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปได้เช่นกัน ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณเล็กน้อย เช่น น้ำผลไม้ครึ่งแก้ว หรือลูกอม 2-3 เม็ด แล้วรอประมาณ 15-20 นาที จากนั้นวัดระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง หากยังต่ำอยู่ ให้รับประทานเพิ่มเล็กน้อย

ป้องกันดีกว่าแก้:

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวานและใช้ยาอินซูลิน การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อปรับแผนการรับประทานอาหารและยาให้เหมาะสม พกพาขนมหรือเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรตติดตัวเสมอ และสวมใส่เครื่องประดับหรือพกบัตรที่ระบุว่าคุณเป็นเบาหวาน เผื่อในกรณีฉุกเฉิน

การรู้จักอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และรู้วิธีรับมืออย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณจัดการกับภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้