เบาหวานมีผลต่อตาอย่างไร

5 การดู

โรคเบาหวานเรื้อรังสามารถทำลายหลอดเลือดในดวงตา ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่ ม่านตาบวม เลือดออกในตาทั้งในและรอบๆ และความดันในตาสูง อาจส่งผลให้ตาพร่ามัว มองเห็นภาพไม่ชัดเจน และสูญเสียการมองเห็นในที่สุด จึงควรได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เบาหวานกับดวงตา: เมื่อระดับน้ำตาลทำลายการมองเห็น

โรคเบาหวานไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ยังสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่ออวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย รวมถึงดวงตาที่เปราะบางของเรา โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปจะทำลายหลอดเลือดฝอยขนาดเล็กในเรตินา (จอประสาทตา) ชั้นเนื้อเยื่อที่ไวต่อแสงและรับผิดชอบต่อการมองเห็นของเรา ผลกระทบนี้ก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับดวงตาหลายชนิด อันตรายถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือ โรคเรตินอปาธีจากเบาหวาน (Diabetic Retinopathy) ซึ่งเกิดจากความเสียหายของหลอดเลือดฝอยในเรตินา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น:

  • การบวมของเรตินา (Macular Edema): การรั่วไหลของของเหลวจากหลอดเลือดที่เสียหายไปยังเรตินา ทำให้เกิดการบวม ส่งผลให้ภาพเบลอ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และความคมชัดลดลง โดยเฉพาะบริเวณจุดรับภาพกลาง (macula) ที่รับผิดชอบต่อการมองเห็นภาพที่มีรายละเอียดสูง

  • การเจริญเติบโตของหลอดเลือดผิดปกติ (Neovascularization): ร่างกายพยายามชดเชยความเสียหายของหลอดเลือดเดิมด้วยการสร้างหลอดเลือดใหม่ แต่หลอดเลือดเหล่านี้มีความเปราะบาง แตกง่าย และมีแนวโน้มที่จะรั่วไหล อาจนำไปสู่การเลือดออกในเรตินา ซึ่งทำให้มองเห็นจุดดำลอย หรือเส้นเลือดในสายตา

  • การเกิดแผลเป็นในเรตินา (Scarring): การเลือดออกและการบวมซ้ำๆ จะทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น ซึ่งอาจดึงจอประสาทตาให้ฉีกขาด (retinal detachment) นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วและถาวร

นอกจากโรคเรตินอปาธีจากเบาหวานแล้ว ผู้ป่วยเบาหวานยังมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดวงตา เช่น กลอคอม่า (Glaucoma) ซึ่งเกิดจากความดันในลูกตาสูง ทำลายเส้นประสาทตา และ ต้อกระจก (Cataracts) ซึ่งเป็นภาวะที่เลนส์ของตาขุ่นมัว ส่งผลให้การมองเห็นพร่ามัว

การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะการตรวจเรตินา แพทย์จะสามารถตรวจหาภาวะแทรกซ้อนของดวงตาได้ในระยะเริ่มต้น และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เช่น การฉีดยาเข้าตา การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือการผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสียหายที่รุนแรงและรักษาการมองเห็นไว้ได้นานที่สุด

การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด การดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง และการพบแพทย์ตามกำหนด เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการชะลอหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานต่อดวงตา อย่าละเลยสัญญาณเตือนใดๆ เช่น มองเห็นภาพพร่ามัว มองเห็นจุดดำลอย หรือมีอาการตาบวม รีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพื่อรักษาการมองเห็นที่สำคัญของคุณไว้ให้ได้นานที่สุด