เราจะรู้ได้ไงว่าตับมีปัญหา

5 การดู

ตับมีปัญหา อาจแสดงอาการ เช่น ท้องบวม, อ่อนเพลีย, ปัสสาวะสีเข้ม, ผิวเหลือง (ตัวเหลืองหรือตาเหลือง), อุจจาระสีซีด และมีอาการปวดท้องบริเวณใกล้ๆ กระดูกสันหลังส่วนบน. หากพบอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ตับคืออวัยวะสำคัญที่ทำงานหนักเงียบๆ หากตับเริ่มมีปัญหา ร่างกายมักส่งสัญญาณเตือนอย่างละเอียดอ่อน ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามไป การรู้เท่าทันสัญญาณเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพตับให้แข็งแรง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตับกำลังร้องขอความช่วยเหลือ?

นอกเหนือจากอาการเบื้องต้นที่พบบ่อย เช่น ท้องบวม อ่อนเพลีย ปัสสาวะสีเข้ม ตัวเหลือง ตาเหลือง อุจจาระสีซีด และปวดท้องบริเวณใกล้กระดูกสันหลังส่วนบน ยังมีสัญญาณเตือนอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของตับที่เราควรสังเกต ได้แก่:

  • อาการคันตามผิวหนัง: ตับที่ทำงานผิดปกติอาจทำให้เกิดการสะสมของสารบิลิรูบินในเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการคัน อาการคันนี้อาจรุนแรงจนรบกวนการนอนหลับได้

  • การเปลี่ยนแปลงของเล็บ: เล็บเปราะบาง แตกหักง่าย หรือมีเส้นสีขาวปรากฏบนเล็บ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาตับได้

  • เส้นเลือดขอดที่หลอดอาหาร: เกิดจากความดันโลหิตสูงในหลอดเลือดดำที่นำเลือดจากลำไส้ไปยังตับ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงของโรคตับแข็ง

  • อาการบวมที่ขาและเท้า: ตับที่เสียหายอาจทำให้ร่างกายกักเก็บของเหลว ส่งผลให้เกิดอาการบวมที่ขาและเท้า

  • การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ: แม้จะรับประทานอาหารเพียงพอ แต่ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับอาจสูญเสียมวลกล้ามเนื้อได้

  • มีแนวโน้มที่จะมีรอยฟกช้ำง่าย: ตับผลิตโปรตีนที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ดังนั้น หากตับทำงานผิดปกติ อาจทำให้มีแนวโน้มที่จะมีรอยฟกช้ำได้ง่ายขึ้น

  • สับสน งุนงง: ตับที่เสียหายไม่สามารถกำจัดสารพิษออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารพิษเหล่านี้อาจส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการสับสน งุนงง และในบางกรณีอาจนำไปสู่อาการโคม่าได้

  • การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์: เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า หรือหงุดหงิดง่าย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของตับที่ผิดปกติ

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคตับ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคตับตั้งแต่เนิ่นๆ