เราจะรู้ได้ไงว่าเป็นPCOS

8 การดู

ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือขาดหายไปเป็นเวลานาน ควรเฝ้าระวังอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ผิวมัน มีสิว ร่วงผมง่าย มีขนดกผิดปกติบริเวณใบหน้าหรือลำตัว รวมถึงภาวะอ้วนลงพุง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคต่อไป การตรวจเลือดและอัลตร้าซาวด์จะช่วยยืนยันการวินิจฉัยโรคได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขปริศนา PCOS: รู้ได้อย่างไรว่าคุณกำลังเผชิญอยู่กับโรคนี้

ภาวะรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ หรือ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองเป็น เนื่องจากอาการแสดงออกค่อนข้างหลากหลายและไม่ชัดเจน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณอาจมี PCOS

มากกว่าประจำเดือนที่ไม่ปกติ:

ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือขาดหายไปเป็นเวลานาน เป็นสัญญาณเตือนแรกที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบฮอร์โมน แต่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัย PCOS ได้ คุณควรสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เพราะ PCOS มักแสดงออกผ่านกลุ่มอาการที่เกี่ยวเนื่องกัน อาการเหล่านั้นอาจรวมถึง:

  • ปัญหาผิวพรรณ: ผิวมัน สิวที่เกิดขึ้นบ่อยและรุนแรง และอาจมีปัญหาเรื่องความมันบนหนังศีรษะ ซึ่งอาจทำให้ผมมันและมีรังแคมากขึ้น

  • การเปลี่ยนแปลงของเส้นผม: ผมร่วงมากกว่าปกติ ผมบางลง หรือในทางกลับกัน อาจมีขนดกผิดปกติในบริเวณที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ใบหน้า หน้าอก และหลัง นี่เป็นเพราะความไม่สมดุลของฮอร์โมนแอนโดรเจน

  • ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนลงพุง: ไขมันส่วนเกินมักสะสมบริเวณรอบเอว ทำให้รูปร่างดูอ้วนลงพุง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของ PCOS

  • ภาวะแท้งบ่อย: หากคุณกำลังพยายามตั้งครรภ์และมีประวัติการแท้งบุตรบ่อยครั้ง ก็ควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของ PCOS เพราะ PCOS สามารถส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้

  • อาการอื่นๆ: อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้แต่ไม่จำเป็นต้องมีทุกคน ได้แก่ ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ภาวะดื้ออินซูลิน และภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล

การวินิจฉัย PCOS:

การวินิจฉัย PCOS ต้องอาศัยการตรวจสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะพิจารณาจากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งอาจรวมถึง:

  • การตรวจเลือด: เพื่อวัดระดับฮอร์โมนต่างๆ เช่น ฮอร์โมนแอนโดรเจน ฮอร์โมน LH และ FSH

  • อัลตร้าซาวด์ของรังไข่: เพื่อตรวจสอบลักษณะของรังไข่และดูว่ามีถุงน้ำจำนวนมากหรือไม่

อย่าละเลยอาการ:

หากคุณมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด การตรวจรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะมีบุตรยาก ในอนาคต

ข้อควรระวัง: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้และไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ กรุณาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง อย่าพึ่งพาการวินิจฉัยตนเองจากข้อมูลในบทความนี้