โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีโรคอะไรบ้าง

9 การดู
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องครอบคลุมโรคหลายชนิด นอกจาก HIV/AIDS ยังรวมถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องเฉพาะกลุ่ม เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคลูปัส โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และภาวะขาดภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด (SCID) รวมถึงภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว การใช้ยาบางชนิด หรือการได้รับรังสี จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อระบุโรคที่แท้จริง
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เมื่อเกราะป้องกันร่างกายอ่อนแอลง

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และปรสิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ ได้ง่ายและรุนแรงกว่าปกติ หลายคนอาจเข้าใจว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหมายถึงเพียงแต่โรคเอดส์ (AIDS) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส HIV แต่ความจริงแล้ว โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องครอบคลุมโรคและภาวะต่างๆ มากมาย โดยแบ่งได้เป็นกลุ่มกว้างๆ ดังนี้

1. โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เกิดจากการติดเชื้อ: กลุ่มนี้เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง HIV/AIDS ซึ่งเชื้อไวรัส HIV จะทำลายเซลล์ CD4 หรือที่เรียกว่า T helper cells ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเซลล์ CD4 ลดลงอย่างมาก ระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ นอกจาก HIV/AIDS แล้ว ยังมีเชื้อไวรัสและแบคทีเรียอื่นๆ ที่สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันได้ เช่น ไวรัส Epstein-Barr ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่ง

2. โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases): กลุ่มนี้เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ร่างกายกลับไปโจมตีเซลล์และเนื้อเยื่อของตัวเอง แทนที่จะโจมตีเชื้อโรค โรคแพ้ภูมิตัวเองมีหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีอาการที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น

  • โรคลูปัส (Lupus): เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการอักเสบ ปวดข้อ ผิวหนังอักเสบ และปัญหาเกี่ยวกับไต หัวใจ และปอด
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis): เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเยื่อบุข้อต่อ ทำให้เกิดอาการอักเสบ ปวด บวม และข้อเสียรูป
  • โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes): ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเซลล์ที่สร้างอินซูลินในตับอ่อน ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

3. ภาวะขาดภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด (Primary Immunodeficiency Diseases หรือ PID): กลุ่มนี้เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่สมบูรณ์ตั้งแต่กำเนิด ตัวอย่างเช่น ภาวะขาดภูมิคุ้มกันรวมแบบรุนแรง (Severe Combined Immunodeficiency หรือ SCID) ซึ่งเป็นโรคที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิดได้ ทำให้ร่างกายแทบไม่มีภูมิคุ้มกันเลย ผู้ป่วย SCID จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงอย่างมาก

4. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ: นอกจากกลุ่มข้างต้นแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้ เช่น

  • มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia): เซลล์มะเร็งจะไปรบกวนการทำงานของไขกระดูก ซึ่งเป็นแหล่งสร้างเซลล์เม็ดเลือด รวมถึงเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน
  • การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาเคมีบำบัด ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ และยาที่กดภูมิคุ้มกัน สามารถลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้
  • การได้รับรังสี: การได้รับรังสีในปริมาณสูง เช่น การฉายรังสีรักษามะเร็ง สามารถทำลายเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันได้

การวินิจฉัยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจำเป็นต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจจำนวนและชนิดของเซลล์เม็ดเลือดขาว การตรวจระดับภูมิคุ้มกัน และการตรวจหาเชื้อโรค แพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการ ประวัติสุขภาพ และผลการตรวจต่างๆ เพื่อวินิจฉัยโรคที่แท้จริง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีเชื้อโรค ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ จึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง