G6PD แพ้สารอะไรบ้าง

1 การดู

ผู้ป่วย G6PD ควรหลีกเลี่ยงยาหลายชนิดที่อาจกระตุ้นภาวะโลหิตจางแบบแตกตัว เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด ยาต้านเชื้อราบางกลุ่ม รวมถึงสมุนไพรบางชนิด จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาใดๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และได้รับการดูแลที่เหมาะสม เนื่องจากปฏิกิริยาของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกัน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

G6PD: ภัยเงียบที่ต้องใส่ใจ สารอะไรบ้างที่ผู้ป่วยควรเลี่ยง?

ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD หรือ Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase Deficiency เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีความเสี่ยงต่อภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวง่ายกว่าคนทั่วไป ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจางเฉียบพลันที่อันตรายถึงชีวิตได้ สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วย G6PD คือการทำความเข้าใจว่าสารใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันการกระตุ้นให้เกิดภาวะดังกล่าว

ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วผู้ป่วย G6PD จะมีชีวิตที่ปกติได้หากหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นต่างๆ แต่การระบุสารกระตุ้นเหล่านั้นอย่างชัดเจนและครอบคลุมถือเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากปฏิกิริยาของแต่ละบุคคลต่อสารต่างๆ อาจแตกต่างกันไป สิ่งที่คนหนึ่งแพ้อาจไม่ส่งผลต่ออีกคนหนึ่งก็ได้ อย่างไรก็ตาม สารที่โดยทั่วไปแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่าควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วย G6PD มีดังนี้:

1. ยาบางชนิด: ยาเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่สุดที่ผู้ป่วย G6PD ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากยาบางชนิดสามารถทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวได้ โดยยาที่ควรหลีกเลี่ยง (แต่ไม่จำกัดเพียง) ประกอบด้วย:

  • ยาปฏิชีวนะ: ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม เช่น Sulfonamides (เช่น Sulfamethoxazole-Trimethoprim), Nitrofurantoin, และ Chloramphenicol
  • ยาแก้ปวด: Aspirin ในปริมาณสูง และยาแก้ปวดบางชนิดในกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) เช่น Phenazopyridine
  • ยาต้านมาลาเรีย: Primaquine และ Chloroquine (ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้ยาที่เหมาะสม)
  • ยาอื่นๆ: ยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคเกาต์ (เช่น Rasburicase) และยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคหัวใจ

2. สารเคมี:

  • ลูกเหม็น (Naphthalene): สารนี้เป็นสารเคมีที่พบได้ในลูกเหม็นที่ใช้ไล่แมลง หากผู้ป่วย G6PD สัมผัสหรือสูดดมเข้าไป อาจทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวได้
  • เฮนน่า: สารย้อมผมจากธรรมชาติที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ป่วย G6PD

3. อาหาร: แม้ว่าอาหารจะไม่ใช่ปัจจัยกระตุ้นที่พบบ่อยเท่ากับยา แต่ก็มีอาหารบางชนิดที่อาจก่อให้เกิดปัญหาได้:

  • ถั่วปากอ้า (Fava beans): ถั่วชนิดนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถกระตุ้นภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวในผู้ป่วย G6PD ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก
  • พืชตระกูลถั่วอื่นๆ: แม้ว่าความเสี่ยงจะน้อยกว่าถั่วปากอ้า แต่ควรระมัดระวังและสังเกตอาการหลังจากรับประทานพืชตระกูลถั่วอื่นๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง

4. สมุนไพร:

  • สมุนไพรบางชนิด: สมุนไพรบางชนิดที่ใช้ในยาแผนโบราณอาจมีสารที่กระตุ้นภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรที่มีความรู้เกี่ยวกับ G6PD ก่อนใช้สมุนไพรใดๆ

ข้อควรจำที่สำคัญ:

  • ปรึกษาแพทย์เสมอ: ก่อนรับประทานยาหรืออาหารเสริมใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเป็นผู้ป่วย G6PD
  • แจ้งแพทย์: แจ้งให้แพทย์ทราบว่าคุณเป็นผู้ป่วย G6PD ทุกครั้งเมื่อเข้ารับการรักษา
  • อ่านฉลากยาอย่างละเอียด: ก่อนใช้ยาใดๆ ให้อ่านฉลากยาอย่างละเอียดและตรวจสอบส่วนประกอบ
  • สังเกตอาการ: หากคุณมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือปัสสาวะสีเข้ม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

การจัดการภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD อย่างมีประสิทธิภาพนั้นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและการระมัดระวังเป็นพิเศษ การหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นต่างๆ และการปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ป่วย G6PD สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้