อาการนอนน้ําลายฟูมปากเกิดจากอะไร

1 การดู

นอนน้ำลายไหลบ่อย อาจเกิดจากการนอนตะแคง ท่าทางการนอนที่อุดกั้นทางเดินหายใจ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคกรดไหลย้อน หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง นอนกรนดัง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

นอนน้ำลายฟูมปาก: สัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจมากกว่าแค่เรื่องน่าอาย

การตื่นเช้ามาพร้อมกับหมอนที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำลาย อาจเป็นเรื่องน่าอายสำหรับใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่าอาการ “นอนน้ำลายฟูมปาก” หรือนอนน้ำลายไหลมากเกินไป อาจไม่ใช่แค่เรื่องของท่านอนที่ไม่ถูกสุขลักษณะเพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างที่ควรให้ความสำคัญ

ทำความเข้าใจกลไกการผลิตน้ำลาย

โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะผลิตน้ำลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร รักษาความชุ่มชื้นในช่องปาก และกำจัดแบคทีเรีย ในขณะที่เราตื่นนอน น้ำลายส่วนเกินจะถูกกลืนลงไปโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเราหลับ กลไกการกลืนอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสะสมของน้ำลายในช่องปาก และไหลออกมาในที่สุด

ปัจจัยที่กระตุ้นอาการนอนน้ำลายฟูมปาก

ถึงแม้ว่าการนอนตะแคงจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำลายไหลได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการนี้ได้บ่อยขึ้น ได้แก่

  • ท่านอนที่อุดกั้นทางเดินหายใจ: ท่านอนบางท่าอาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ทำให้ร่างกายต้องพยายามหายใจมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการผลิตน้ำลายมากขึ้นเพื่อหล่อลื่นช่องปาก
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea): ภาวะนี้ทำให้เกิดการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ขณะหลับ ร่างกายจะตอบสนองด้วยการกระตุ้นการผลิตน้ำลายเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
  • โรคกรดไหลย้อน (GERD): กรดที่ไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะอาหาร อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในหลอดอาหาร และกระตุ้นการผลิตน้ำลายเพื่อลดอาการแสบร้อน
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาที่ใช้รักษาโรคทางจิตเวช อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการผลิตน้ำลายมากขึ้น
  • การติดเชื้อในช่องปาก: การติดเชื้อต่างๆ เช่น โรคเหงือก หรือแผลในปาก อาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำลายมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท: ในบางกรณี ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทที่ควบคุมการกลืน อาจทำให้เกิดอาการนอนน้ำลายไหลได้

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์?

หากคุณมีอาการนอนน้ำลายไหลบ่อยๆ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • ปวดศีรษะเรื้อรัง
  • นอนกรนดัง
  • รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดวัน
  • มีอาการแสบร้อนกลางอก
  • มีปัญหาในการกลืน

ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

ดูแลตัวเองเบื้องต้น

ในระหว่างที่รอพบแพทย์ คุณสามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเพื่อช่วยลดอาการนอนน้ำลายไหลได้ เช่น

  • เปลี่ยนท่านอน: ลองเปลี่ยนมานอนหงายแทนการนอนตะแคง
  • ยกศีรษะให้สูงขึ้น: ใช้หมอนที่สูงขึ้นเพื่อช่วยลดการไหลย้อนของกรด
  • รักษาสุขอนามัยในช่องปาก: แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีนก่อนนอน: เครื่องดื่มเหล่านี้อาจกระตุ้นการผลิตน้ำลาย
  • ปรึกษาเภสัชกร: หากคุณสงสัยว่ายาที่คุณกำลังทานอยู่เป็นสาเหตุของอาการน้ำลายไหล ควรปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำ

สรุป

อาการนอนน้ำลายไหลอาจเป็นเรื่องที่ดูเหมือนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ควรละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การสังเกตอาการของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และปรึกษาแพทย์เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น จะช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว