คนท้องอ้วกเป็นยังไง

10 การดู
อาการแพ้ท้องในแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเล็กน้อยในตอนเช้า หรืออาจมีอาการตลอดทั้งวัน บางคนอาจมีอาการไวต่อกลิ่นมากขึ้น หรือมีความอยากอาหารแปลกๆ อาการเหล่านี้มักเริ่มในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ และค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง อย่างไรก็ตาม หากมีอาการรุนแรงจนรับประทานอาหารไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำ ควรปรึกษาแพทย์
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สงครามในกระเพาะ: เรื่องเล่าจากสมรภูมิแพ้ท้อง

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความคาดหวัง แต่สำหรับคุณแม่หลายท่าน มันก็เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายทางร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง หนึ่งในความท้าทายที่พบได้บ่อย และสร้างความทุกข์ทรมานให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่น้อย คืออาการแพ้ท้อง ซึ่งเปรียบเสมือนสงครามเล็กๆ ที่เกิดขึ้นภายในกระเพาะอาหาร สร้างความปั่นป่วนและไม่สบายตัวตลอดเวลา

อาการแพ้ท้อง หรือที่เรียกกันติดปากว่า Morning Sickness นั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในช่วงเช้าอย่างที่ชื่อบอก สำหรับคุณแม่บางท่าน อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเพียงเล็กน้อยในช่วงเช้า ก่อนที่จะหายไปเมื่อเริ่มรับประทานอาหาร แต่สำหรับคุณแม่บางท่าน อาการแพ้ท้องอาจรุนแรงและยาวนานตลอดทั้งวัน สร้างความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส บางคนถึงกับเปรียบเปรยว่า รู้สึกเหมือนมีคนเอาเครื่องปั่นมาปั่นอยู่ในกระเพาะ ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียนตลอดเวลา จนแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย

ความหลากหลายของอาการแพ้ท้องนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และเป็นเครื่องยืนยันว่าแต่ละคนมีประสบการณ์การตั้งครรภ์ที่แตกต่างกัน บางคนอาจมีอาการไวต่อกลิ่นมากขึ้น กลิ่นที่เคยชอบ เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นน้ำหอม หรือแม้แต่กลิ่นของคนรัก อาจกลายเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้ ทำให้รู้สึกคลื่นไส้และอยากอาเจียนทันที บางคนอาจมีอาการเบื่ออาหาร อาหารที่เคยโปรดปรานกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อยากมอง ไม่อยากกลิ่น และไม่อยากลิ้มลอง ในขณะที่บางคนกลับมีความอยากอาหารแปลกๆ เช่น อยากกินของเปรี้ยว อยากกินของเผ็ด หรืออยากกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ดินสอพอง หรือสบู่ ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายระหว่างตั้งครรภ์

โดยทั่วไป อาการแพ้ท้องมักเริ่มต้นในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างมาก และมักจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง อย่างไรก็ตาม คุณแม่บางท่านอาจมีอาการแพ้ท้องยาวนานไปจนถึงไตรมาสที่สาม หรือบางรายอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็เป็นได้

แม้ว่าอาการแพ้ท้องจะเป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ แต่หากอาการรุนแรงจนทำให้รับประทานอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ จนเกิดภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหาร หรือมีอาเจียนมากจนมีเลือดปน ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจแนะนำวิธีการบรรเทาอาการต่างๆ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การรับประทานยาแก้แพ้ท้อง หรือการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อช่วยให้คุณแม่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้

การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจในช่วงตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนในครอบครัว จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และสามารถรับมือกับอาการแพ้ท้องได้ดีขึ้น และท้ายที่สุด เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งสงครามในกระเพาะนี้ไปได้ ความสุขที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า คือการได้พบเจอกับเจ้าตัวน้อย ก็จะคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากทั้งหมดที่ผ่านมาอย่างแน่นอน