เจ็บครรภ์จริงทุกกี่นาที

6 การดู

อาการเจ็บท้องเตือนและเจ็บท้องคลอดแตกต่างกัน เจ็บท้องเตือน มักเป็นๆ หายๆ ไม่สม่ำเสมอ ส่วนเจ็บท้องคลอดจะสม่ำเสมอมากขึ้น เช่น เจ็บทุก 5-10 นาที และความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ควรสังเกตความถี่ ความรุนแรง และระยะเวลาของอาการเพื่อประเมินว่าเป็นเจ็บท้องเตือนหรือไม่ หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์ทันที

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ถี่แค่ไหนถึงเรียกว่า “เจ็บครรภ์”? รู้จักแยกแยะอาการเจ็บท้องก่อนคลอด

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษ แต่ก็เต็มไปด้วยความกังวลใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้คลอด คำถามที่คุณแม่มือใหม่หลายคนสงสัยคือ “เจ็บครรภ์จริง ๆ นั้นมาบ่อยแค่ไหน? ทุกกี่นาทีถึงควรรีบไปโรงพยาบาล?” คำตอบนั้นไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง และสำคัญที่สุดคือการสังเกตความแตกต่างระหว่าง “เจ็บท้องเตือน” กับ “เจ็บท้องคลอด”

เจ็บท้องเตือน (Braxton Hicks Contractions): มักเริ่มปรากฏขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่สองหรือสามของการตั้งครรภ์ ลักษณะเด่นคือความไม่สม่ำเสมอ เจ็บเป็นพักๆ หายเป็นพักๆ ความรุนแรงไม่มาก มักคลายลงได้ด้วยการเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น การเดิน การนอนพัก หรือดื่มน้ำ ช่วงเวลาห่างของอาการเจ็บก็ไม่แน่นอน อาจเป็น 20 นาที 30 นาที หรือแม้แต่หลายชั่วโมง ก็อาจเกิดขึ้นซ้ำ แต่ความถี่และความรุนแรงไม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เจ็บท้องคลอด (Labor Contractions): ต่างจากเจ็บท้องเตือนอย่างชัดเจน เจ็บท้องคลอดจะมีความสม่ำเสมอ ความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และความรุนแรงก็รุนแรงขึ้น โดยทั่วไป เมื่อเข้าสู่ระยะเริ่มต้นของการคลอด คุณแม่จะรู้สึกเจ็บท้องทุกๆ 5-10 นาที เป็นระยะเวลาประมาณ 30-60 วินาที และระยะห่างระหว่างอาการเจ็บจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น จากทุก 5 นาที กลายเป็นทุกๆ 3 นาที จากทุก 3 นาที กลายเป็นทุกๆ 2 นาที เป็นต้น ยิ่งใกล้คลอด ความถี่และความรุนแรงยิ่งเพิ่มขึ้น จนรู้สึกเจ็บอย่างต่อเนื่อง และทนแทบไม่ไหว

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาต้องไปโรงพยาบาล?

ไม่มีตัวเลขตายตัวที่บอกว่าเจ็บทุกกี่นาทีจึงต้องไปโรงพยาบาล สิ่งสำคัญคือการสังเกต ความถี่ ความรุนแรง และระยะเวลา ของอาการเจ็บ หากอาการเจ็บท้องมีความสม่ำเสมอ ความถี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ็บท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ และทนไม่ไหว ควรไปโรงพยาบาลทันที

นอกจากนี้ ควรสังเกตสัญญาณอื่นๆ เช่น:

  • มีน้ำเดิน
  • เลือดออกทางช่องคลอด
  • ลูกดิ้นน้อยลงผิดปกติ

หากพบสัญญาณใดๆ เหล่านี้ ควรไปพบแพทย์โดยด่วน อย่ารอจนอาการรุนแรงเกินไป

สุดท้ายนี้ การเตรียมตัวล่วงหน้า ศึกษาข้อมูล และปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกมั่นใจ และรับมือกับการคลอดได้อย่างราบรื่น อย่าลืมว่า การคลอดบุตรเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาวะร่างกายของคุณเอง