เมื่อลูกเป็นไข้เลือดออก ควรทําอย่างไร

0 การดู

ไข้เลือดออกในเด็กต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด เน้นให้ดื่มน้ำสะอาดมากๆ หากเบื่อน้ำเปล่า ลองน้ำเกลือแร่หรือน้ำผลไม้รสอ่อน ควรทานอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม งดอาหารสีเข้ม เช่น ช็อกโกแลต เพื่อป้องกันความสับสนหากมีอาเจียน สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและรีบพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติ การพักผ่อนอย่างเพียงพอก็สำคัญเช่นกัน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้เลือดออกในลูกน้อย: คู่มือดูแลประคับประคองที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

เมื่อลูกน้อยเผชิญกับไข้สูง อาการอ่อนเพลีย และความกังวลใจของคุณพ่อคุณแม่ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแม่นยำ และหากได้รับการยืนยันว่าเป็นไข้เลือดออก การดูแลประคับประคองอย่างใกล้ชิดคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ลูกน้อยผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้

ไข้เลือดออกในเด็กนั้นแตกต่างจากการเป็นไข้หวัดธรรมดา สิ่งสำคัญคือการเข้าใจถึงระยะของโรค และการเปลี่ยนแปลงของอาการที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที บทความนี้จึงรวบรวมคำแนะนำที่ละเอียดและครอบคลุม เพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลลูกน้อยในช่วงที่ต้องเผชิญกับไข้เลือดออก

1. เติมน้ำให้เพียงพอ: หัวใจสำคัญของการรักษา

ดังที่กล่าวมาข้างต้น การให้น้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยไข้เลือดออก เนื่องจากโรคนี้ทำให้เกิดการรั่วของพลาสมาออกจากหลอดเลือด ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ การให้น้ำอย่างเพียงพอจะช่วยรักษาระดับความดันโลหิตและป้องกันภาวะช็อกได้

  • น้ำดื่ม: น้ำเปล่าสะอาดคือตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากลูกน้อยเบื่อ ลองเปลี่ยนเป็นน้ำเกลือแร่ (ORS) ที่มีรสชาติอ่อนโยนและช่วยชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไป
  • น้ำผลไม้: เลือกน้ำผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัดและไม่เปรี้ยวเกินไป เช่น น้ำแอปเปิ้ล หรือน้ำองุ่นขาว หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้ที่มีสีเข้ม เช่น น้ำทับทิม เพราะอาจทำให้สับสนหากมีอาการอาเจียน
  • ซุปใส: ซุปไก่ใส หรือซุปผักอ่อนๆ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเติมน้ำและให้สารอาหารที่จำเป็น

ข้อควรจำ: ค่อยๆ ป้อนน้ำให้ลูกน้อยทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียน สังเกตอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ตาโหล และปัสสาวะน้อยลง หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

2. อาหารอ่อนย่อยง่าย: เสริมสร้างพลังงานและบรรเทาอาการ

ในช่วงที่เป็นไข้เลือดออก ระบบย่อยอาหารของลูกน้อยอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ การเลือกอาหารที่อ่อนย่อยง่ายจึงมีความสำคัญ

  • โจ๊กและข้าวต้ม: เป็นอาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงาน เพียงปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อยก็เพียงพอ
  • ซุปข้น: ซุปฟักทอง ซุปมันฝรั่ง หรือซุปผักโขม เป็นตัวเลือกที่ดีที่ให้สารอาหารและช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบายท้อง
  • ผลไม้เนื้อนิ่ม: กล้วย มะละกอสุก หรืออะโวคาโด เป็นผลไม้ที่ย่อยง่ายและมีวิตามิน

ข้อควรหลีกเลี่ยง:

  • อาหารรสจัด: อาหารที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว หรือหวานจัด อาจกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน
  • อาหารมัน: อาหารทอด อาหารผัด หรืออาหารที่มีไขมันสูง ย่อยยากและอาจทำให้ท้องอืด
  • อาหารสีเข้ม: ช็อกโกแลต น้ำอัดลมสีดำ หรือซอสปรุงรสสีเข้ม อาจทำให้สับสนหากมีอาการอาเจียนเป็นเลือด

3. พักผ่อนอย่างเต็มที่: ปล่อยให้ร่างกายได้ฟื้นตัว

การพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการฟื้นตัวจากไข้เลือดออก ให้ลูกน้อยได้นอนหลับอย่างเต็มที่และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก

  • จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม: ห้องนอนควรเงียบสงบ มืด และเย็นสบาย
  • กิจกรรมเบาๆ: อ่านนิทาน เล่นเกมที่ไม่ต้องใช้พลังงานมาก หรือฟังเพลงเบาๆ

4. สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: เฝ้าระวังสัญญาณอันตราย

การสังเกตอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถรับมือกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

  • ไข้สูง: ไข้สูงเป็นอาการที่พบได้บ่อยในไข้เลือดออก หากไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส ให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นและปรึกษาแพทย์
  • ปวดท้อง: อาการปวดท้องอาจเป็นสัญญาณของภาวะเลือดออกภายในช่องท้อง
  • อาเจียน: อาเจียนบ่อยครั้งอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่
  • เลือดออก: สังเกตอาการเลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล หรือมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง
  • อ่อนเพลีย: อาการอ่อนเพลียรุนแรงอาจเป็นสัญญาณของภาวะช็อก

5. พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ: อย่าละเลยสัญญาณเตือน

หากพบอาการผิดปกติใดๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันที อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หากคุณมีความกังวลใจใดๆ เกี่ยวกับอาการของลูกน้อย

ข้อควรจำ: การดูแลลูกน้อยที่เป็นไข้เลือดออกต้องอาศัยความอดทน ความเข้าใจ และการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด การดูแลประคับประคองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี และกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง

คำเตือน: ข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรค โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย