ไข้เลือดออกเกล็ดเลือดต่ําแค่ไหนอันตราย

4 การดู

ไข้เลือดออกระยะวิกฤต เกิดขึ้นหลังไข้ลด เกร็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 ตัว/ลบ.มม. อันตรายถึงชีวิตจากการรั่วของพลาสมา ทำให้ความดันตก ระบบไหลเวียนล้มเหลว อาจมีอาการเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ เช่น จมูก เหงือก หรือปัสสาวะ ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้เลือดออก: เมื่อเกล็ดเลือดต่ำถึงขั้นวิกฤต สัญญาณอันตรายที่ต้องรู้

ไข้เลือดออก โรคที่มาพร้อมฤดูฝน ยังคงเป็นภัยคุกคามสุขภาพที่สำคัญในประเทศไทย การทำความเข้าใจอาการและระยะของโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถรับมือและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

โดยทั่วไป ไข้เลือดออกจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก คือ ระยะไข้สูง ระยะวิกฤต และระยะพักฟื้น ซึ่งระยะที่น่ากังวลที่สุดคือ ระยะวิกฤต ที่มักเกิดขึ้นหลังจากที่ไข้เริ่มลดลงแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ป่วยและญาติควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ทำไมเกล็ดเลือดต่ำจึงเป็นสัญญาณอันตราย?

เกล็ดเลือด มีหน้าที่สำคัญในการช่วยให้เลือดแข็งตัว เมื่อป่วยเป็นไข้เลือดออก เชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายเกล็ดเลือด ทำให้จำนวนเกล็ดเลือดในร่างกายลดลง ซึ่งหากเกล็ดเลือดลดลงต่ำกว่าค่าปกติมาก ๆ จะทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ไข้เลือดออกระยะวิกฤตกับเกล็ดเลือดต่ำ: เมื่อไหร่ที่เรียกว่าอันตราย?

โดยทั่วไป แพทย์จะพิจารณาว่าผู้ป่วยไข้เลือดออกเข้าสู่ระยะวิกฤตเมื่อ เกล็ดเลือดลดลงต่ำกว่า 50,000 ตัว/ลบ.มม. ในช่วงเวลานี้ ร่างกายจะเริ่มมีอาการแสดงที่บ่งบอกถึงการรั่วของพลาสมา (ส่วนประกอบของเลือด) ออกจากหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์

เมื่อเข้าสู่ระยะวิกฤต และมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที:

  • อาการเลือดออก: เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน จุดเลือดออกตามผิวหนัง อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
  • ปวดท้องรุนแรง: โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา
  • อ่อนเพลียมาก: ซึมลง ไม่ค่อยรู้สึกตัว
  • กระสับกระส่าย: หายใจเร็ว หอบเหนื่อย
  • ความดันโลหิตต่ำ: หน้ามืด เป็นลม
  • ปัสสาวะน้อยลง: หรือไม่ปัสสาวะเลย

ทำไมต้องรีบพบแพทย์?

การรั่วของพลาสมาทำให้ปริมาณเลือดในระบบไหลเวียนลดลง ส่งผลให้ความดันโลหิตตก และอาจนำไปสู่ภาวะช็อก ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การรักษาในระยะนี้จึงเน้นไปที่การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อชดเชยปริมาณพลาสมาที่รั่วไหล และป้องกันภาวะช็อก หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสามารถผ่านพ้นระยะวิกฤตและกลับมาหายเป็นปกติได้

การป้องกันไข้เลือดออก: ทางรอดที่ยั่งยืน

ถึงแม้ว่าการรักษาไข้เลือดออกจะมีความก้าวหน้า แต่การป้องกันโรคยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น แหล่งน้ำขังต่างๆ การใส่ใจสุขอนามัยส่วนบุคคล การใช้ยาทากันยุง และการนอนในมุ้ง คือวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้เพื่อป้องกันตนเองและคนที่รักจากไข้เลือดออก

ข้อควรจำ:

  • ไข้เลือดออกระยะวิกฤตอันตรายถึงชีวิต
  • เกล็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 ตัว/ลบ.มม. คือสัญญาณอันตราย
  • หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
  • การป้องกันโรคคือทางรอดที่ยั่งยืนที่สุด

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความอันตรายของภาวะเกล็ดเลือดต่ำในผู้ป่วยไข้เลือดออก และช่วยให้ทุกคนสามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น