ไตระยะ3อยู่ได้กี่ปี

4 การดู

ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายสามารถมีชีวิตยืนยาวใกล้เคียงคนทั่วไปได้ ด้วยการบำบัดทดแทนไตอย่างการฟอกไตหรือปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยหลายรายมีชีวิตอยู่ได้มากกว่า 20 ปี

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อยู่กับไตระยะ 3 อย่างไรให้ยืนยาว: ความเข้าใจที่ถูกต้องและการดูแลที่เหมาะสม

เมื่อพูดถึงโรคไต การได้ยินคำว่า “ระยะ 3” อาจสร้างความกังวลใจไม่น้อย คำถามที่ผุดขึ้นมาในใจหลายคนคือ “แล้วฉันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?” บทความนี้จะช่วยคลี่คลายความกังวลนั้น ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง และแนวทางการดูแลตนเองที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยไตระยะ 3 สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและยืนยาว

ไตระยะ 3 คืออะไร? และหมายถึงอะไร?

ไตระยะ 3 คือภาวะที่ไตเริ่มทำงานได้น้อยลง แต่ยังไม่ได้อยู่ในภาวะที่ไตวายระยะสุดท้าย (ไตระยะ 5) การทำงานของไตจะถูกวัดโดยค่าที่เรียกว่า eGFR (estimated Glomerular Filtration Rate) ซึ่งในระยะ 3 นี้ ค่า eGFR จะอยู่ในช่วง 30-59 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตร นั่นหมายความว่าไตยังสามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้บ้าง แต่ประสิทธิภาพลดลงกว่าเดิม

อยู่ได้กี่ปี? ไม่มีการกำหนดอายุขัยที่แน่นอน!

สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ ไม่มีสูตรสำเร็จหรือตัวเลขที่ตายตัว ว่าผู้ป่วยไตระยะ 3 จะอยู่ได้กี่ปี อายุขัยของผู้ป่วยแต่ละรายแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

  • สาเหตุของโรคไต: โรคไตที่เกิดจากเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคไตชนิดอื่นๆ จะมีผลต่อความเร็วในการดำเนินโรคที่แตกต่างกัน
  • สุขภาพโดยรวม: สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โรคประจำตัวอื่นๆ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต มีผลต่อความแข็งแรงของร่างกายในการรับมือกับโรคไต
  • การดูแลตนเอง: การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และการทานยาอย่างสม่ำเสมอ มีผลอย่างมากต่อการชะลอความเสื่อมของไต

เคล็ดลับดูแลไตระยะ 3 ให้อยู่กับเราไปนานๆ

การดูแลตนเองอย่างจริงจัง คือหัวใจสำคัญของการชะลอความเสื่อมของไตในระยะ 3 มีแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้ดังนี้:

  • ควบคุมความดันโลหิต: ความดันโลหิตสูงเป็นศัตรูตัวร้ายของไต การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม (ตามคำแนะนำของแพทย์) เป็นสิ่งจำเป็น
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับไต
  • ควบคุมอาหาร:
    • ลดปริมาณโปรตีน: การทานโปรตีนมากเกินไป อาจเป็นภาระหนักต่อไตที่ทำงานได้น้อยลง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อกำหนดปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม
    • ลดโซเดียม: การลดปริมาณโซเดียมในอาหาร ช่วยควบคุมความดันโลหิต และลดอาการบวม
    • จำกัดโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส: ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้จำกัดปริมาณโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสในอาหาร
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความดันโลหิต และปรับปรุงสุขภาพโดยรวม ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมออกกำลังกาย
  • เลิกสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำลายหลอดเลือด และส่งผลเสียต่อการทำงานของไต
  • หลีกเลี่ยงยาที่ทำลายไต: ยาบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาใดๆ
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: การตรวจสุขภาพเป็นประจำ ช่วยให้แพทย์สามารถติดตามการทำงานของไต และปรับแผนการรักษาได้ทันท่วงที

อย่าท้อแท้ และอยู่กับปัจจุบัน

การวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตระยะ 3 อาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่สิ่งสำคัญคือการไม่ท้อแท้ และมุ่งเน้นไปที่การดูแลตนเองให้ดีที่สุด การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการมีทัศนคติเชิงบวก จะช่วยให้ผู้ป่วยไตระยะ 3 สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและยืนยาว

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไต: การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไต (Nephrologist) จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
  • เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน: การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยโรคไต จะช่วยให้ได้รับกำลังใจและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อื่น
  • ค้นหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ: ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคไตจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น โรงพยาบาล สมาคมโรคไต หรือเว็บไซต์ทางการแพทย์

การอยู่กับไตระยะ 3 ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะต้องสั้นลง แต่หมายถึงการเริ่มต้นการเดินทางใหม่ ที่ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆ วัน