เด็กขาดธาตุเหล็กมีอาการอะไรบ้าง

2 การดู

ลูกน้อยของคุณดูเหนื่อยง่าย ซีดเซียว ไม่ค่อยอยากอาหาร และสมาธิสั้นลงไหม? ลองสังเกตลิ้นและเล็บของลูกน้อย หากลิ้นดูเรียบผิดปกติ และเล็บเปราะบาง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะขาดธาตุเหล็ก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สังเกตสัญญาณเตือน! ลูกน้อยขาดธาตุเหล็ก…ภัยเงียบที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

การเจริญเติบโตของเด็กน้อยเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง การได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น ธาตุเหล็กก็เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดงและส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย หากเด็กได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ภาวะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งร่างกายและสติปัญญาของลูกน้อยได้

ถึงแม้ว่าอาการของภาวะขาดธาตุเหล็กในเด็กอาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่การสังเกตสัญญาณเตือนอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือและป้องกันภาวะนี้ได้อย่างทันท่วงที นอกเหนือจากอาการเหนื่อยง่าย ซีดเซียว เบื่ออาหาร และสมาธิสั้นที่เราคุ้นเคยกันดีแล้ว ยังมีสัญญาณอื่นๆ ที่ควรใส่ใจเพิ่มเติม ดังนี้

อาการทางร่างกายที่พบบ่อย:

  • ผิวซีด: โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาด้านใน เล็บ และฝ่ามือ
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย: แม้จะพักผ่อนเพียงพอ ก็ยังรู้สึกอ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร: ไม่สนใจอาหาร หรือทานได้น้อยลง
  • หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว: ร่างกายพยายามชดเชยการขาดออกซิเจน
  • ปากและมุมปากแตก: อาการที่แสดงถึงการขาดวิตามินและธาตุเหล็ก
  • ลิ้นเรียบและเจ็บ: ในบางกรณีอาจพบอาการลิ้นอักเสบร่วมด้วย
  • เล็บเปราะบาง รูปทรงผิดปกติ: เช่น เล็บแบน หรือเว้าคล้ายช้อน (Koilonychia)
  • ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ: อาการที่เกิดจากการขาดออกซิเจนในสมอง

อาการทางพฤติกรรมและพัฒนาการ:

  • สมาธิสั้น เรียนรู้ช้า: การขาดธาตุเหล็กส่งผลต่อการทำงานของสมอง
  • หงุดหงิดง่าย งอแง: อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายกว่าปกติ
  • พัฒนาการช้า: ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
  • ความอยากอาหารแปลกๆ: เช่น อยากกินดิน น้ำแข็ง หรือแป้ง (Pica)

ปัจจัยเสี่ยงที่ควรทราบ:

  • เด็กทารกที่กินนมวัวก่อนอายุ 1 ขวบ: นมวัวมีธาตุเหล็กน้อยกว่านมแม่และนมสูตรที่เสริมธาตุเหล็ก
  • เด็กที่ทานอาหารที่ไม่หลากหลาย: โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ผักใบเขียว และธัญพืช
  • เด็กที่มีภาวะเลือดออกเรื้อรัง: เช่น เลือดกำเดาไหลบ่อย หรือมีพยาธิ
  • เด็กที่มีโรคประจำตัว: เช่น โรคไต โรคระบบทางเดินอาหาร

สิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าลูกน้อยขาดธาตุเหล็ก:

  • ปรึกษาแพทย์: เพื่อตรวจร่างกายและวินิจฉัยอย่างแม่นยำ
  • ตรวจเลือด: เพื่อวัดระดับฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) และเฟอร์ริติน (Ferritin) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ภาวะขาดธาตุเหล็ก
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: อาจต้องเสริมธาตุเหล็กในรูปแบบยา หรือปรับเปลี่ยนอาหารให้มีธาตุเหล็กมากขึ้น

อาหารเสริมธาตุเหล็กสำหรับลูกน้อย:

  • เนื้อสัตว์: โดยเฉพาะเนื้อแดง ตับ และเครื่องในสัตว์
  • ผักใบเขียวเข้ม: เช่น ผักโขม คะน้า บรอกโคลี
  • ธัญพืช: เช่น ข้าวโอ๊ต ถั่ว และเมล็ดพืช
  • ผลไม้แห้ง: เช่น ลูกพรุน ลูกเกด

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • การทานวิตามินซีร่วมกับอาหารที่มีธาตุเหล็ก จะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการทานแคลเซียม ชา กาแฟ พร้อมกับอาหารที่มีธาตุเหล็ก เพราะสารเหล่านี้จะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก

การดูแลสุขภาพของลูกน้อยให้แข็งแรงสมบูรณ์ ต้องอาศัยการใส่ใจและสังเกตอย่างใกล้ชิด หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกน้อยอาจมีภาวะขาดธาตุเหล็ก อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสม เพราะการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดีสมวัย