กินหวานแล้วเวียนหัวเป็นเพราะอะไร

6 การดู

วิงเวียนหลังกินของหวาน อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังอาหาร ควรเลือกทานของหวานที่มีน้ำตาลน้อย และทานในปริมาณที่พอเหมาะ หากอาการยังคงอยู่ ควรปรึกษาแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หวานจนเวียนหัว: ไขปริศนาอาการวิงเวียนหลังกินของหวาน

หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ “หวานจนเวียนหัว” หลังจากดื่มน้ำหวานเย็นฉ่ำหรือทานขนมหวานชิ้นโปรด ความรู้สึกคล้ายจะเป็นลม มั่นงง หรือวิงเวียนศีรษะเหล่านี้ อาจไม่ใช่แค่ความสุขที่มากเกินไป แต่เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างได้

อาการเวียนหัวหลังกินของหวาน มักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ร่างกายจะหลั่งอินซูลินออกมาเพื่อนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน หากร่างกายหลั่งอินซูลินออกมามากเกินไป หรือมีความไวต่ออินซูลินผิดปกติ อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังอาหาร (Reactive Hypoglycemia) ซึ่งมีอาการเช่น วิงเวียน ใจสั่น เหงื่อออก อ่อนเพลีย สับสน และในบางรายอาจถึงขั้นหมดสติได้

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนหลังกินของหวานได้เช่นกัน เช่น:

  • การขาดน้ำ: การกินของหวานมักทำให้รู้สึกกระหายน้ำ หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดอาการวิงเวียนได้
  • ความไวต่อสารให้ความหวาน: บางคนอาจมีความไวต่อสารให้ความหวานเทียม ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ได้
  • ปัญหาสุขภาพอื่นๆ: อาการวิงเวียนอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตต่ำ หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท ดังนั้นหากมีอาการวิงเวียนบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

เพื่อป้องกันอาการวิงเวียนหลังกินของหวาน ควรปฏิบัติดังนี้:

  • เลือกทานของหวานที่มีน้ำตาลน้อย: เช่น ผลไม้สด โยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือขนมหวานที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ
  • ทานในปริมาณที่พอเหมาะ: ไม่ควรรับประทานของหวานในปริมาณมากเกินไปในคราวเดียว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างสม่ำเสมอตลอดวัน
  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่: เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

หากคุณมีอาการวิงเวียนหลังกินของหวานบ่อยครั้ง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มองเห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด หรือแขนขาอ่อนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง อย่านิ่งนอนใจกับสัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ จากร่างกาย เพราะสุขภาพที่ดีคือสิ่งสำคัญที่สุด