เกล็ดเลือดสูง รักษาอย่างไร

2 การดู

ภาวะเกล็ดเลือดสูงจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค อาจรวมถึงการใช้ยาเพื่อลดจำนวนเกล็ดเลือด การดื่มน้ำมากๆ และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การติดตามอาการและการตรวจเลือดเป็นประจำมีความสำคัญต่อการควบคุมภาวะนี้ อย่าพยายามรักษาเอง ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เกล็ดเลือดสูง: รู้ทัน เข้าใจ รักษาอย่างถูกต้อง

ภาวะเกล็ดเลือดสูง หรือ Thrombocytosis คือภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเกล็ดเลือดในกระแสเลือดมากกว่าปกติ เกล็ดเลือดเป็นองค์ประกอบสำคัญของเลือด ทำหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันการเสียเลือดเมื่อเกิดบาดแผล แต่หากมีปริมาณมากเกินไป ก็อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น การเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญต่างๆ ในร่างกาย

ทำไมเกล็ดเลือดถึงสูง?

สาเหตุของภาวะเกล็ดเลือดสูงมีหลากหลาย สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่:

  • เกล็ดเลือดสูงปฐมภูมิ (Primary Thrombocytosis): เกิดจากความผิดปกติในไขกระดูก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเกล็ดเลือด โดยอาจเกิดจากโรคทางพันธุกรรม หรือการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก โรคที่พบบ่อยในกลุ่มนี้คือ Essential Thrombocythemia (ET)
  • เกล็ดเลือดสูงทุติยภูมิ (Secondary Thrombocytosis): เกิดจากภาวะอื่นๆ ในร่างกายกระตุ้นให้ไขกระดูกผลิตเกล็ดเลือดเพิ่มขึ้น เช่น:
    • การติดเชื้อ: ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
    • การอักเสบ: เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคลำไส้อักเสบ
    • ภาวะขาดธาตุเหล็ก: โดยเฉพาะในเด็ก
    • การผ่าตัด: โดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่
    • การสูญเสียเลือด: ร่างกายจะพยายามสร้างเกล็ดเลือดเพื่อชดเชยการสูญเสีย
    • มะเร็ง: บางชนิดอาจกระตุ้นการผลิตเกล็ดเลือด

อาการของเกล็ดเลือดสูง:

ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการใดๆ เลย โดยตรวจพบภาวะเกล็ดเลือดสูงโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี อย่างไรก็ตาม บางรายอาจมีอาการดังนี้:

  • เวียนศีรษะ, ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย, เหนื่อยง่าย
  • ชาตามมือและเท้า
  • มองเห็นผิดปกติ
  • มีเลือดออกง่าย, เช่น เลือดกำเดาไหล, เลือดออกตามไรฟัน
  • มีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด (อาการจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดลิ่มเลือด)

การวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดสูง:

การวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดสูงมักเริ่มต้นจากการตรวจเลือดเพื่อวัดจำนวนเกล็ดเลือด หากพบว่ามีค่าสูงกว่าปกติ แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น:

  • การซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด
  • การตรวจเลือดเพิ่มเติมเพื่อหาการอักเสบ, การติดเชื้อ หรือภาวะขาดธาตุเหล็ก
  • การตรวจไขกระดูก (Bone Marrow Biopsy): ในกรณีที่สงสัยว่าเกิดจากความผิดปกติในไขกระดูก

แนวทางการรักษาภาวะเกล็ดเลือดสูง:

การรักษาภาวะเกล็ดเลือดสูงขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงของโรค และความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยทั่วไปแนวทางการรักษามีดังนี้:

  • กรณีเกล็ดเลือดสูงทุติยภูมิ: รักษาที่สาเหตุ เช่น ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ, ให้ธาตุเหล็กเสริมในกรณีขาดธาตุเหล็ก เมื่อสาเหตุได้รับการแก้ไข จำนวนเกล็ดเลือดก็จะกลับมาเป็นปกติได้เอง
  • กรณีเกล็ดเลือดสูงปฐมภูมิ (Essential Thrombocythemia): การรักษาอาจรวมถึง:
    • ยาแอสไพริน (Aspirin): เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด
    • ยาที่ช่วยลดจำนวนเกล็ดเลือด: เช่น Hydroxyurea, Anagrelide
    • Apheresis: เป็นกระบวนการกรองเลือดเพื่อลดจำนวนเกล็ดเลือดอย่างรวดเร็ว มักใช้ในกรณีฉุกเฉิน

สิ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการรักษา:

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การขาดน้ำอาจทำให้เลือดข้นขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด
  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรง: ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง: งดสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนัก และจัดการความเครียด
  • ติดตามอาการและเข้ารับการตรวจเลือดเป็นประจำ: เพื่อประเมินผลการรักษาและปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม

ข้อควรจำ:

ภาวะเกล็ดเลือดสูงเป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ อย่าพยายามวินิจฉัยหรือรักษาเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญได้ หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตเสมอ