ตับอักเสบเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

ตับอักเสบ : ภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพตับของคุณ

ตับอักเสบ คือ ภาวะที่ตับอักเสบหรือได้รับความเสียหาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบและการทำงานของตับบกพร่อง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด สาเหตุของตับอักเสบนั้นมีความหลากหลาย ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การติดเชื้อไวรัส แต่ยังรวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไป

สาเหตุหลักของตับอักเสบ สามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้:

1. การติดเชื้อไวรัส: นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ไวรัสที่ทำให้เกิดตับอักเสบมีหลายชนิด แบ่งตามชนิดของไวรัสได้แก่:

• ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A virus, HAV): ติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อน มักเป็นแบบเฉียบพลัน หายได้เองโดยไม่ทิ้งร่องรอย แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรง
• ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus, HBV): ติดต่อผ่านทางเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ และสารคัดหลั่งทางเพศ สามารถเป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง หากเป็นเรื้อรังอาจนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับ
• ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C virus, HCV): ติดต่อผ่านทางเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การรับเลือดที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ มักเป็นแบบเรื้อรัง อาจทำให้เกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับได้
• ไวรัสตับอักเสบดี (Hepatitis D virus, HDV): สามารถติดเชื้อร่วมกับไวรัสตับอักเสบบีเท่านั้น ทำให้โรครุนแรงขึ้น
• ไวรัสตับอักเสบอี (Hepatitis E virus, HEV): ติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อน มักเป็นแบบเฉียบพลัน โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์อาจมีความรุนแรงสูง

2. การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป: การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน จะทำลายเซลล์ตับ นำไปสู่ภาวะตับอักเสบแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้

3. ภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ: ในบางกรณี ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจโจมตีเซลล์ตับ ทำให้เกิดตับอักเสบเอง เช่น โรคลูปัส โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรค autoimmune hepatitis

4. ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น พาราเซตามอลในปริมาณสูง หรือยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคอื่นๆ อาจทำให้เกิดตับอักเสบได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาใดๆ

5. ปัจจัยอื่นๆ: เช่น การอุดตันของท่อน้ำดี การติดเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิต โรคทางพันธุกรรมบางชนิด และไขมันในเลือดสูง

การตระหนักถึงสาเหตุต่างๆ ของตับอักเสบ จะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและการรักษา หากมีอาการผิดปกติ เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้องด้านขวาบน อ่อนเพลีย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด การตรวจสุขภาพประจำปีและการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตับอักเสบและโรคตับอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ